แฮเนียว…ผู้หญิงแห่งท้องทะเล 25 ตุลาคม 2019 – Posted in: People & Places – Tags: สงครามโลกครั้งที่สอง, เกาหลีใต้, เกาะเชจู, เบญจมาศสีเลือด, แฮเนียว
เพราะการอ่านนำไปสู่การสำรวจโลกที่เราไม่รู้จัก และบ่อยครั้งยังนำเราไปสัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีในท้องถิ่นอันห่างไกล ในห้วงเวลาที่แตกต่างไปจากยุคปัจจุบัน อย่างในหนังสือเรื่อง “เบญจมาศสีเลือด-White Chrysanthemum” นอกจากสะท้อนชะตากรรมของหญิงสาวชาวเกาหลีที่ถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไปเป็นนางบำเรอในค่ายทหารแล้ว ยังสะท้อนวิถีอาชีพของแฮเนียว บนเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ ที่สืบทอดวิถีการดำน้ำจับสัตว์ทะเลด้วยมือเปล่ามาหลายชั่วอายุคน
ก่อนที่เราจะลงไปดำผุดดำว่ายในทะเลอักษรอันแสนสะเทือนใจ แมรี ลินน์ แบรตช์เปิดฉากให้ผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ แฮเนียว (Haenyeo) ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีหมายถึงผู้หญิงแห่งท้องทะเล เป็นคำเรียกขานนักดำน้ำหญิงท้องถิ่นแห่งเกาะเชจู ซึ่งดำรงชีพด้วยการดำน้ำ หาอาหารทะเลมานานหลายศตวรรษ
ด้วยธรรมชาติของเกาะเชจูที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟ มีพื้นที่เพาะปลูกน้อย อากาศหนาวเย็น อาชีพหลักของผู้ชายบนเกาะนี้คือการทำประมง พวกเขาจะออกทะเลไปกับเรือเพื่อหาปลาในน่านน้ำลึกครั้งละหลายเดือน นาน ๆ ทีจะกลับเข้าฝั่งสักครั้งหนึ่ง จึงเป็นภาระของเหล่าแม่บ้านและบรรดาผู้หญิง ที่ต้องดิ้นรนทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน โดยไม่ยอมงอมืองอเท้า
จะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์ หรือสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดของเหล่านางเงือกหญิงที่พัฒนาขึ้นมาในท่ามกลางสภาพแวดล้อม และสถานการณ์กึ่งบังคับก็ว่าได้ ในประวัติศาสตร์มิได้ระบุว่าผู้หญิงคนแรกที่ตัดสินใจดำน้ำตัวเปล่า ดิ่งลงไปจับหอย ปลาหมึกตัวใหญ่ ๆ ขึ้นมาปรุงอาหารให้กับครอบครัวและเหลือก็นำมาขายนั้น เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร ว่ากันว่าแฮเนียวเป็นอาชีพดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ในอดีตชุดของแฮเนียวเป็นผ้าธรรมดา แต่ต่อมาได้พัฒนาให้เป็นชุดยางสีดำที่ช่วยป้องกันอุณหภูมิในร่างกาย และมีอุปกรณ์เพิ่ม ได้แก่ ตีนกบ หน้ากากดำน้ำ ทุ่นสีส้ม ถุงเชือกตาข่าย ฉมวก ฯลฯ แต่พวกเธอไม่มีถังออกซิเจน จึงเป็นการจับสัตว์ทะเลด้วยมือเปล่าอย่างแท้จริง
แฮเนียวส่วนใหญ่ดำน้ำลึกประมาณ 3-5 เมตร มีบางคนดำได้ลึกถึง 7 เมตร ส่วนจะจับสัตว์ขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะกลั้นใจในน้ำได้นานกว่ากัน ส่วนใหญ่กลั้นได้นาทีครึ่ง แต่คนที่กลั้นหายใจได้นานที่สุดราว 3 นาที แฮเนียวทุกคนจะรู้ตัวและตระหนักถึงขีดความสามารถของตัวเองตลอดเวลา และไม่ฝืนร่างกายเมื่อดำน้ำไม่ไหว โดยทั่วไปแฮเนียวจะทำงาน 18 วันต่อเดือน คือทำ 9 วัน พัก 6 วัน เนื่องจากต้องจัดเวลาชีวิตให้ตรงกับกระแสน้ำขึ้น น้ำลง ส่วนวันที่ว่างจากการดำน้ำ พวกเธอจะไปทำไร่ เก็บส้ม ฯลฯ
ในหนังสือเรื่อง “เบญจมาศสีเลือด” ผู้เขียนสะท้อนวิถีแฮเนียว ผ่านชีวิตของฮานา หญิงสาวดรุณวัย ที่เรียนรู้การดำน้ำจับสัตว์ทะเลด้วยมือเปล่าจากแม่ของเธอ คนบนเกาะเชจูเชื่อว่า การดำน้ำเป็นงานของผู้หญิง เพราะร่างกายของพวกเธอนั้นทนความหนาวเย็นในมหาสมุทรได้ดีกว่าผู้ชาย ดำน้ำลงไปได้ลึกกว่า กลั้นลมหายใจได้นานกว่า และรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อุ่นกว่า จึงเป็นเวลานานนับศตวรรษมาแล้วที่ผู้หญิงเชจู สุขใจกับอิสระในการดำน้ำ และขายอาหารทะเลที่จับได้มากมาย
ฮานาตามแม่ไปลงทะเลตั้งแต่เด็กเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษฝ่ายหญิงของเธอทำกันมา แม่ตัดหอยเป๋าฮื้อจากหินใต้ก้นมหาสมุทรให้เธอดูเป็นครั้งแรกเมื่อเธออายุได้ 11 ปี ในการฝึกครั้งแรกนั้น ฮานาสูดหายใจเร็วด้วยความตื่นเต้น เธอรีบถีบตัวขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อหายใจ มือข้างหนึ่งกำมีด มืออีกข้างกำหอยเป๋าฮื้อ ว่ายน้ำสุดกำลังขึ้นมาหาแสง ปอดของเธอร่ำร้องหาอากาศ ในที่สุดเมื่อทะยานพ้นผิวน้ำ เธอสูดเอาน้ำทะเลเข้าไปมากกว่าออกซิเจน เธอตะกุยตะกายสู้คลื่นและสำลักน้ำ เริ่มเสียสติ ตื่นตระหนก คลื่นโถมเข้าใส่ซัดเธอจมลงใต้น้ำ เธอกลืนน้ำเข้าไปอีกรอบ แต่ในที่สุดเธอก็สามารถฝึกฝนจนชำนาญ เธอภูมิใจที่เป็นอีกหนึ่งแรงในครอบครัวที่สามารถยังชีพในวิถีที่พึ่งพาตนเองได้โดยไม่ต้องง้อผู้ชาย
แต่แล้ววันหนึ่ง…ศักดิศรีและความภูมิใจของเธอก็แตกสลาย ราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยง เมื่อเธอโผล่พ้นน้ำมาพบกับทหารญี่ปุ่นที่เดินกันขวักไขว่ไปทั่วประเทศเกาหลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นับจากวันนั้น อิสรภาพในการดำน้ำของเธอก็หลุดลอยไป เธอต้องดำดิ่งไปสู่ความมืดมนอนธการของการเป็นทาสกาม หรือหญิงบำเรอในสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบันนี้บนเกาะเชจู มีผู้หญิงที่เป็นแฮเนียวเหลืออยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 60-85 ปี ส่วนแฮเนียวที่มีอายุราว 30 ปี นั้นมีไม่ถึง 10 คน เหตุที่คนรุ่นใหม่เลือกที่จะไม่สืบสานวิถีอาชีพนี้ต่อไป เพราะคนเข้าถึงการศึกษามากขึ้น ครอบครัวจึงส่งเสริมให้ลูกหลานได้มีอาชีพที่สบาย มากกว่าการเป็นแฮเนียว เป็นเหตุให้นางเงือกแห่งเกาะเชจูลดน้อยถอยลง และอาจจะหมดลงไปในที่สุด
เมื่อปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ยกย่องให้วิธีการดำน้ำเพื่อจับสัตว์ทะเลด้วยมือเปล่านี้ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นการสดุดีวิธีการที่หญิงดำน้ำกลุ่มนี้ ปฏิบัติต่อท้องทะเลอย่างให้ความเคารพมาช้านาน และพวกเธอยังเป็นสัญลักษณ์ของสำคัญของเกาะเชจูด้วย
- Sale!
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คลิกที่นี่
https://www.sanskritbook.com/category/story/